การละเล่นเตยหรือหลิ่น
เรื่องของการละเล่นที่มีอยู่ในประเทศไทยเรานั้น เนื่องจากว่ามีการละเล่นที่หลากหลาย ทั้งเป็นการละเล่นพื้นบ้านหรือว่าเป็นการละเล่นที่มีอย่างแพร่หลาย ทำให้คนเราไม่สามารถที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของการละเล่นได้ทุกอย่างค่ะ ซึ่งมีหลายคนที่อาจจะคุ้นเคยกับการละเล่นของท้องถิ่นตัวเองบ้างแล้ว แต่สำหรับหลายคนเรื่องของการละเล่นอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้ เนื่องจากว่าไม่ค่อยจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการละเล่นของท้องถิ่นสักเท่าไหร่ แต่การละเล่นที่เด็กๆอาจจะรู้จักกันดีบ้างนั้นก็มีมากมายเช่นกัน อย่างเช่นการละเล่นเตยหรือว่าหลิ่นนั้นเอง
สำหรับการละเล่นเตยหรือว่าหลิ่นนั้นก็สามารถที่จะเล่นได้ตามสถานที่เล่น ที่มีลานกว้าง ที่โล่งแจ้งสามารถวิ่งได้อย่างคล่องตัว และชาวจังหวัดตากก็ได้มีการละเล่นนี้มาอย่างยาวนานเมื่อเวลาได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบันการละเล่นเตยหรือว่าหลิ่นก็ได้มีการขยายและเป็นที่รู้จักกันอย่างกวางขวางกว่าเดิมด้วยเช่นกันค่ะ เด็กๆที่ต้องการจะเล่นก็สามารถที่จะเล่นได้ตามความต้องการทุกเมื่อด้วยเองจากว่าเป็นการเล่นที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆสำหรบการเล่นเลย จำนวนผู้เล่นก็จะเล่นได้ครั้งละประมาณ ๖-๑๒ คน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายได้ การละเล่นเตยหรือว่าหลิ่นเป็นการละเล่นที่จะทำให้ผู้เล่นได้มีความสามัคคีในหมู่คณะที่เล่น อีกทั้งยังได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันด้วย เด็กหลายคนได้รับไหวพริบจากการละเล่นนี้ เนื่องจากว่าต้องใช้ความรวดเร็วและก็จังหวะที่ดีในการเล่นด้วยเช่นกัน สามารถที่จะเล่นได้หลายคนและก็ยังเป็นการละเล่นที่สร้างความสนุกสนานได้ทั้งผู้เล่นและก็สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่คอยลุ้นคอยเชียร์อีกด้วย การละเล่นที่มีความสนุกสนานเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เราคนรุ่นหลังต้องมีการอนุรักษ์ไว้ เพื่อที่จะได้สืบทอดต่อไปชั่วลูกหลาน
วิธีการเล่น
ขีดเส้นเป็นตารางจำนวนเท่ากับผู้เล่น (สมมติว่ามี ๖ คน) แล้วแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยืนประจำเส้น (ตามขวาง) อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านแต่ละเส้นไปโดยไม่ให้เจ้าของเส้นแตะได้ เมื่อเริ่มเล่นคนที่ยืนประจำเส้นแรก พูดว่า ไหล หรือ หลิ่น ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มวิ่งผ่านเส้นแรกไปจนถึงเส้นสุดท้ายแล้ววิ่งกลับ ถ้าวิ่งกลับถึงเส้นแรกโดยไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามแตะได้ก็พูดว่า เตย ก็จะเป็นฝ่ายชนะ |
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559
เตยหรือหลิ่น
เตยหรือหลิ่น
การละเล่นว่าว
โอกาสหรือเวลาที่เล่น
การเล่นว่าวต้องอาศัยกระแสลมเป็นสำคัญ กระแสลมที่แน่นอนจะช่วยให้เล่นว่าวได้สนุก จึงมักจะเล่นกันในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ซึ่งถึงว่าเป็นช่วงที่ลมพัดแรงกระแสลมสม่ำเสมอที่เราเรียกกันว่า “ลมว่าว”
ประโยชน์และคุณค่า
การแข่งขันว่าวเป็นกีฬาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง เป็นศิลปะที่ต้องใช้ความสามารถของผู้ทำว่าวและผู้ชักว่าวเป็นอย่างมากต้องใช้ความประณีต ความแข็งแรง ความมีไหวพริบ และข้อสำคัญต้องอาศัยความพร้อมเพรียงด้วย
กาฟักไข่
กาฟักไข่
เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่เคยได้ยินชื่อ แต่หลายคนไม่ทราบกติกา โดยวิธีการเล่นก็คือ ใช้อะไรก็ได้ลักษณะกลม เท่าจำนวนคนเล่น ยกเว้นผู้ที่เป็นกา 1 คน มาสมมติว่าเป็น "ไข่" แล้วเขียนวงกลมลงบนพื้น 2 วง วงแรกมีขนาดใหญ่ และอีกวงหนึ่งอยู่ข้างในวงแรก ขนาดเล็กกว่าวงแรก วางไข่ทั้งหมดไว้ในวงเล็ก ให้คนใดคนหนึ่งเป็นกา ยืนในวงกลมวงใหญ่ หรือนั่งคร่อมวงกลมเล็ก นอกนั้นทุกคนยืนรอบนอกวงกลมวงใหญ่ คอยแย่งไข่ คนเป็นกามีหน้าที่ป้องกันไข่ ไม่ให้ถูกแย่งไป
กติกา
ของกาฟักไข่ ผู้เล่นเป็นอีกาจะเข้าไปอยู่ในวงกลมที่ขีดไว้ คนอื่นๆอยู่นอกวงกลม พยายามแย่งเอาก้อนหินที่สมมุติว่าเป็นไข่มาให้ได้ อีกาจะปัดป่ายแขนขาไปมา ถ้าโดนผู้ใดผู้นั้นจะต้องมาเล่นเป็นอีกาแทนทันที แต่ถ้าไข่ถูกแย่งหมด อีกาจะต้องไปตามหาไข่ที่ผู้อื่นซ่อนไว้ให้เจอ หากหาไม่พบจะถูกจูงหูไปหาไข่ที่ซ่อนไว้ เพื่อเป็นการลงโทษ
ประโยชน์
ด้านสติปัญญา การละเล่นกาฟักไข่ทำให้เด็กได้ใช้ไหวพริบในการขยับแขนและขา เพื่อป้องกันไข่ และฝ่ายที่แย่งไข่ก็ต้องคิดว่าจะหลอกล่อผู้ที่เป็นกาอย่างไร เพื่อให้แย่งไข่ออกมาได้
ด้านอารมณ์ ทำให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลิน คลาดเครียด
ด้านร่างกาย เด็ก ๆ ให้ออกกำลังกาย ฝึกความว่องไวของแขนขาและตา
ด้านจิตใจ ฝึกสมาธิ เนื่องจากเด็กที่เป็นกาจะต้องมีใจจดจ่องคอยดูว่า ผู้เล่นคนใดจะแย่งไข่ ฝ่ายที่แย่งไข่ก็ต้องมีสมาธิรอจังหวะดี ๆในการจะเข้าไปแย่งไข่ออกมา
วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559
การละเล่นพื้นบ้าน ( รีรีข้าวสาร )
วิธีเล่น
1. ผู้เล่น 2 คนยืนหันหน้าเข้าหากันโน้มตัวประสานมือกันเป็นรูปซุ้ม 2. ส่วนผู้อื่นเกาะเอวต่อ ๆ กันตามลำดับ 3. หัวแถวจะพาลอดใต้ซุ้มมือพร้อมกับร้องบทร้องประกอบการเล่น 4. เมื่อร้องถึงประโยคที่ว่า “คอยพานคนข้างหลังไว้” ผู้ที่ประสานมือเป็นซุ้มจะลดมือลงกันคนสุดท้ายไว้ ซึ่งคนสุดท้ายจะถูกคัดออกไปจากแถว แล้วจึงเริ่มต้นเล่นใหม่ทำเช่นนั้นจนหมดคน เพลงร้องประกอบ "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือก เลือกท้องใบลาน คดข้าวใส่จาน คอยพานคนข้างหลังไว้" คุณค่า/แนวคิด/สาระ 1. ออกกำลังกายพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้แข็งแรง 2. เพลิดเพลิน จิตใจร่าเริง แจ่มใส ยอมรับในกฎเกณฑ์กติกาในการเล่น 3. หัดให้เด็กมีไหวพริบ ปฏิภาณ และรู้จักใช้กลยุทธที่จะให้ตนรอดจากการถูกคล้องตัวไว้ 4. หัดให้เด็กรู้จักทำงานเป็นกลุ่มโดยหัวแถวต้องพยายามพาแถว โดยเฉพาะคนสุดท้ายให้รอดพ้นจากการถูกกักตัวให้ได้ |
กระต่ายขาเดียว
กระต่ายขาเดียว
กระต่ายขาเดียว
จำนวนผู้เล่น
ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น
ขีดเส้นแบ่งเขตบนพื้น และมีเขตจำกัดเส้นออกไว้ด้วย แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน ตกลงกันว่าใครจะเป็นกระต่ายก่อน กลุ่มที่เป็นกระต่ายจะคิดคำขึ้นหนึ่งคำ ให้มีพยางค์เท่ากับจำนวนคนในหมู่และจำต้องกำหนดพยางค์ให้แต่ละคนด้วย เมื่อคิดคำได้แล้วหมู่ที่เป็นฝ่ายเล่นทั้งหมดก็จะเป็นผู้เลือกว่า จะเอาพยางค์ใด ฝ่ายกระต่ายคนที่มีพยางค์ตรงกับที่โดนเลือกก็จะวิ่งกระโดดขาเดียวให้เร็วที่ สุด และไล่จับแตะคนในฝ่ายเล่น ถ้าคนใดโดนจับหรือถูกตัวกระต่ายก็ต้องออกจากการเล่น แต่ถ้ากระต่ายเปลี่ยนขาหรือขาแตะพื้นจะต้องเปลี่ยนเป็นกระต่ายตัวใหม่ที่ ฝ่ายเล่นจะเลือก เมื่อฝ่ายเล่นถูกไล่ตีจนหมดแล้วก็ถือว่าแพ้ ต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายบ้าง
ตัวอย่างการเล่น
ฝ่ายกระต่ายมีสมาชิก 4 คน ก็คิดคำ 4 พยางค์ เช่น ทุเรียนหมอนทอง คนแรกเป็น “ทุ”คนที่2 เป็น“เรียน” คนที่3 เป็น“หมอน” คนที่4 เป็น“ทอง” เมื่อฝ่ายเล่นเรียก“ทอง” คนที่เป็นทองต้องกระโดด ขาเดียวไล่จับคนฝ่ายเล่น ถ้าเท้าตกถึงพื้นฝ่ายเล่นจะเลือกคนใหม่อีก จนกว่าจะหมด ถ้าฝ่ายกระต่ายแตะได้ก่อน หรือฝ่ายเล่นวิ่งออกนอกเส้นแบ่งเขต จะหมดสิทธิ์เป็นฝ่ายเล่นต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายแทน
ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น
ขีดเส้นแบ่งเขตบนพื้น และมีเขตจำกัดเส้นออกไว้ด้วย แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน ตกลงกันว่าใครจะเป็นกระต่ายก่อน กลุ่มที่เป็นกระต่ายจะคิดคำขึ้นหนึ่งคำ ให้มีพยางค์เท่ากับจำนวนคนในหมู่และจำต้องกำหนดพยางค์ให้แต่ละคนด้วย เมื่อคิดคำได้แล้วหมู่ที่เป็นฝ่ายเล่นทั้งหมดก็จะเป็นผู้เลือกว่า จะเอาพยางค์ใด ฝ่ายกระต่ายคนที่มีพยางค์ตรงกับที่โดนเลือกก็จะวิ่งกระโดดขาเดียวให้เร็วที่ สุด และไล่จับแตะคนในฝ่ายเล่น ถ้าคนใดโดนจับหรือถูกตัวกระต่ายก็ต้องออกจากการเล่น แต่ถ้ากระต่ายเปลี่ยนขาหรือขาแตะพื้นจะต้องเปลี่ยนเป็นกระต่ายตัวใหม่ที่ ฝ่ายเล่นจะเลือก เมื่อฝ่ายเล่นถูกไล่ตีจนหมดแล้วก็ถือว่าแพ้ ต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายบ้าง
ตัวอย่างการเล่น
ฝ่ายกระต่ายมีสมาชิก 4 คน ก็คิดคำ 4 พยางค์ เช่น ทุเรียนหมอนทอง คนแรกเป็น “ทุ”คนที่2 เป็น“เรียน” คนที่3 เป็น“หมอน” คนที่4 เป็น“ทอง” เมื่อฝ่ายเล่นเรียก“ทอง” คนที่เป็นทองต้องกระโดด ขาเดียวไล่จับคนฝ่ายเล่น ถ้าเท้าตกถึงพื้นฝ่ายเล่นจะเลือกคนใหม่อีก จนกว่าจะหมด ถ้าฝ่ายกระต่ายแตะได้ก่อน หรือฝ่ายเล่นวิ่งออกนอกเส้นแบ่งเขต จะหมดสิทธิ์เป็นฝ่ายเล่นต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายแทน
ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกำลังกายทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง
ด้านสติปัญญา ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี ส่งผลให้พัฒนาการทางด้านสติปัญญาได้อย่างรวดเร็ว
ด้านอารมณ์ มีความเพลิดเพลิน มีสุนทรียภาพในการเล่น ร่าเริงแจ่มใส
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น: